เคมีบำบัด จะออกฤทธิ์ทำลายเซลล์ทุกเซลล์ที่มีการแบ่งตัว เช่น เซลล์มะเร็งและเซลล์เนื้อเยื่อปกติของร่างกายที่มีการเติบโตและซ่อมแซมทุกวัน เช่น เซลล์เม็ดเลือด เซลล์ผิวหนัง เซลล์เยื่อบุในทางเดินอาหาร อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วเซลล์มะเร็งจะมีการแบ่งตัวเร็วกว่าเซลล์อื่นในร่างกาย ซึ่งทำให้เคมีบำบัดออกฤทธิ์กับเซลล์มะเร็งได้ดี และแน่นอนว่าจะส่งผลถึงเซลล์เนื้อเยื่อปกติที่ยังมีการแบ่งตัวเช่นกัน ซึ่งก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น การสร้างเม็ดเลือดขาวลดลง ส่งผลให้เพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ หรือการเป็นแผลในกระพุ้งปาก ผลข้างเคียงต่างๆจะค่อยๆหายไปเมื่อจบการรักษา

ยามุ่งเป้า (𝗧𝗮𝗿𝗴𝗲𝘁𝗲𝗱 𝗧𝗵𝗲𝗿𝗮𝗽𝘆) จะออกฤทธิ์จำเพาะกับยีนของเซลล์มะเร็ง ซึ่งยีนนี้ไม่มีในเซลล์ปกติ ทำให้ลดผลข้างเคียงลงได้มาก ผู้ป่วยจะสามารถรับยามุ่งเป้าได้ก็ต่อเมื่อมียีนจำเพาะนั้นๆ ทำให้ต้องตรวจหาตัวบ่งชี้ก่อนเริ่มรับยา หากมีตัวบ่งชี้ (Biomarker) จะสามารถใช้ยามุ่งเป้าได้ แต่หากไม่มี การใช้ยามุ่งเป้าก็จะไม่ได้ผล

ภูมิคุ้มกันบำบัด (𝗜𝗺𝗺𝘂𝗻𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿𝗮𝗽𝘆) จะออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเอง ให้สามารถกำจัดมะเร็งได้ การออกฤทธิ์ของภูมิคุ้มกันบำบัดแบ่งได้หลายประเภท อ่านเพิ่มเติม: https://www.canceralliance.co.th/%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0…/

จะเห็นได้ว่าการรักษามะเร็งปอดมีหลายวิธีการ แพทย์จะพิจารณาอย่างเหมาะสม ขอเพียงรีบเข้ารับการรักษาทันทีที่ได้รับการวินิจฉัย ไม่ควรรอหรือลังเลในการเข้ารับการรักษามะเร็งปอด